25 มีนาคม 2567 – ทรู คอร์ปอเรชั่น ผู้นำบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีของไทย พร้อมนำศักยภาพของโครงสร้างพื้นฐาน ระบบนิเวศดิจิทัลครบวงจร และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาร่วมผลักดันการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะมิติด้านสิ่งแวดล้อม ที่ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งเน้นให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานหมุนเวียน เพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ในปี 2573 และองค์กรที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2593 ตอกย้ำความเป็นองค์กรโทรคมนาคมที่ยั่งยืนที่สุดในโลก โดยทรู คอร์ปอเรชั่น ติดอันดับ 1 ดัชนีความยั่งยืน DJSI 2023 ของ S&P Global ในกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคมต่อเนื่อง 6 ปีซ้อน
นายนาฟนีท นายาน หน้าสายงานกลยุทธ์เทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เส้นทางของทรู คอร์ปอเรชั่น สู่การบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ คือการทำให้เครือข่ายการให้บริการมีประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงขึ้น เนื่องจากในการดำเนินงานของทรู 98% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาจากการใช้ไฟฟ้าในโครงข่าย ยิ่งไปกว่านั้น พลังงานไฟฟ้าเกือบทั้งหมดหรือมากกว่า 97% ถูกนำไปใช้ในโครงข่ายเป็นหลัก ดังนั้นการยกระดับประสิทธิภาพของโครงข่าย พร้อมนำเข้าโซลูชันและระบบอัจฉริยะต่างๆ จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้เราบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมและลดผลกระทบด้านสภาพภูมิอากาศ”
ในปี 2566 ที่ผ่านมา ทรู คอร์ปอเรชั่น สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ถึง 12.7% เมื่อเทียบกับปีฐาน 2563 ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายของ Science Based Targets initiative (SBTi) ที่ 12.6% และดีกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมเดียวกันตามรายงานของสมาคมผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระดับโลก หรือ GSMA ที่ระบุว่าการลดการปล่อยก๊าซของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลกลดลง 6% ระหว่างปี 2562 – 2565
เปิดกลยุทธ์ “ทรู คอร์ปอเรชั่น” สู่เส้นทาง Net Zero
- เร่งยกระดับเครือข่ายให้ล้ำสมัย (Network Modernization) ด้วยการอัปเกรดเสาสัญญาณทั่วประเทศในปี 2567 ซึ่งจะทำให้ความเร็วดาต้าและคุณภาพสัญญาณเพิ่มขึ้น ตลอดจนทำให้สามารถเพิ่มความเร็วสูงสุดของอินเทอร์เน็ตบนมือถือเพิ่มขึ้นทั้ง 5G และ 4G อีกทั้ง ยังประหยัดพลังงานได้มากกว่า โดยในปี 2566 การพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย สามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้มากกว่า 10,000 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 4,400 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
- นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning มาใช้ในปฏิบัติการเครือข่ายเพิ่มมากขึ้น นำเทคโนโลยี AI ที่สามารถตรวจจับและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วเพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า นอกจากนี้ ยังเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ โดยในปี 2567 ทรู จะขยายโซลูชัน AI ที่เป็นสิทธิบัตรของบริษัท ซึ่งสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดการใช้พลังงานได้สูงสุดถึง 15% ต่อเสาสัญญาณ ซึ่งเทคโนโลยี AI จะช่วยเสริมแกร่งให้เสาสัญญาณสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง
- เพิ่มการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ โดยทรู ได้เริ่มติดตั้งและใช้ไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์ที่สถานีฐาน ตั้งแต่ปี 2560 และในปี 2566 ได้ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ที่เสาสัญญาณกว่า 7,800 แห่งและดาต้าเซ็นเตอร์ 1 แห่ง ทำให้สามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 45,000 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 20,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี และในปี 2567 มีแผนที่จะติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ที่เสาสัญญาณรวมเป็น 11,200 แห่ง และดาต้า เซ็นเตอร์อีก 5 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 64,000 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี และสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 28,800 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
“นอกจากการลดการปล่อยก๊าซที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานใน Scope 1 และ Scope 2 แล้ว ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน หรือใน Scope 3 ซึ่งหนึ่งในแนวทางสำคัญ คือความร่วมมือกับบริษัทคู่ค้าหลักของทรู ในการวัดและตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และในเดือนมีนาคมนี้ ทรู ได้จัดกิจกรรมสัมมนาให้ความรู้ พร้อมแนะนำเครื่องมือสำคัญเพื่อให้การสนับสนุนบริษัทคู่ค้าอีกด้วย” นายนาฟนีท กล่าวเสริม
ทรู เดินหน้าขับเคลื่อนภารกิจ ปิดช่องว่างมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero
นอกจากมาตรการการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์แล้ว ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังเดินหน้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับความต้องการใช้พลังงานและดาต้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทรู จึงยังคงมุ่งมั่นหาแนวทางเพิ่มเติม ได้แก่
- ผลักดันความร่วมมือด้านนวัตกรรมกับองค์กรต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยและพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อทำวิจัยและพัฒนาโซลูชันต่างๆ เช่น การจัดเก็บแบตเตอรี่สำหรับพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI
- สนับสนุนให้ภาคอุตสาหกรรม ภาคพลังงาน และรัฐบาล สร้างสรรค์นวัตกรรมและเพิ่มโอกาสการเข้าถึงพลังงานสะอาด
“ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วทั้งสังคม โดยในส่วนของธุรกิจ เราพัฒนาโซลูชันการเชื่อมต่อเพื่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งด้านการเกษตรอัจฉริยะ การค้าปลีกอัจฉริยะ และโรงงานอัจฉริยะ และในฐานะผู้ขับเคลื่อนเพื่อให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทรู คอร์ปอเรชั่น พร้อมสนับสนุนให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายดังกล่าว แต่สิ่งนี้ ไม่สามารถทำได้โดยลำพัง การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จำเป็นต้องมีนวัตกรรม กฎระเบียบและมาตรการสนับสนุน ระบบทางการเงินที่ส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อม การดำเนินการของบริษัทคู่ค้า การลงทุน และการผนึกกำลังกับพันธมิตร เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศไทย อันนำมาซึ่งอนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้นไปด้วยกัน” นายนาฟนีท กล่าวสรุป