Support System คือสูตรสำเร็จของคนเป็นแม่: ส่องเบื้องหลังความสำเร็จของผู้บริหารหญิงดาวรุ่งแห่งทรู กับบทบาทคุณแม่ลูกหนึ่ง “พลอย จาตุกัญญาประทีป”

08 มีนาคม 2568


แม้ไทยจะดูเหมือนเป็นประเทศที่มีความเท่าเทียมทางเพศสูง แต่จากรายงาน Global Gender Gap Index 2024 พบว่า ผู้หญิงเข้าอยู่ในตลาดแรงงานจนถึงระยะสร้างครอบครัว ผู้หญิงจำนวนมากตัดสินใจออกจากงาน เพื่อเป็นแม่บ้านเต็มตัว

 

ทำให้เกิดคำถามที่ว่า ผู้หญิงจะสามารถประสบความสำเร็จทั้งชีวิตส่วนตัวและหน้าที่การงานได้หรือไม่ โดยไม่ต้องเลือก

 

เนื่องในวันสตรีสากล 2568 #IWD2025 True Blog ชวน “พลอย จาตุกัญญาประทีป” Head of Service Excellence & Customer Experience ผู้บริหารหญิงดาวรุ่งและคุณแม่ลูกหนึ่ง มาพูดคุยเรื่องราวต่างๆ ของผู้หญิงและบทบาทของความเป็นแม่

 

พ่อ: ผู้ชายคนแรกผู้ปลดล็อกศักยภาพของเธอ

 

พลอย เป็นคนกรุงเทพฯ โดยกำเนิด มีครอบครัวที่อบอุ่น เข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพเช่นเดียวกับเด็กเมืองทั่วไป แต่ด้วยสถานะลูกสาวคนเดียว และการเติบโตท่ามกลาง “ความอบอุ่น” ซึ่งแวดล้อมด้วยสมาชิกในครอบครัวที่พร้อมดูแลใส่ใจอย่างใกล้ชิด ทำให้เป็นเด็กที่มีชีวิตแบบเรียบง่าย น้อยครั้งที่จะพบเจออุปสรรคและโอกาสในการแก้ปัญหาด้วยตนเอง จนในวันหนึ่ง คุณพ่อผู้มีวิสัยทัศน์ยาวไกล ได้เกริ่นชักชวนถึงการไป “เปิดโลก” โอบรับความท้าทายใหม่ๆ ด้วยการไปศึกษาต่อในระดับไฮสกูลที่โรงเรียนประจำหญิง ณ เมืองโกลด์โคสต์ ประเทศออสเตรเลีย เพื่อให้มีโอกาสเรียนรู้และรับผิดชอบตัวเองอย่างเต็มที่

 

“หลายๆ คนเคยถามคุณพ่อว่า ไม่ห่วงเหรอกับการส่งลูกสาวคนเดียวไปอยู่ไกลบ้านไกลเมืองขนาดนั้น แต่คุณพ่อกลับมองว่าเป็น ‘โอกาส’ ให้ลูกได้ค้นหาและพัฒนาตัวเองอย่างเต็มที่” พลอย กล่าว

 

แม้จะอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ประกอบกับชีวิตที่ลงตัว ทั้งในเรื่องของโรงเรียน ชีวิตความเป็นอยู่ และสังคมเพื่อนฝูง แต่พลอยก็ตอบรับโอกาสที่ได้รับ แม้ตอนนั้น มันจะเป็นอารมณ์แบบกลัวๆกล้าๆ ใจหนึ่งก็อยากลอง แต่อีกใจก็กังวลกับสภาพแวดล้อม สังคม และระบบการศึกษาใหม่ๆ ก็ตาม

 

 

“ช่วงปีแรกของการย้ายไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย เป็นช่วงที่มีความยุ่งยากมากในการปรับตัว โดยเฉพาะด้านภาษา ยังจำได้ว่า เรียนไปต้องเปิด Talking Dict ไป แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้ด้วยความพยายามอย่างเต็มที่” เธอเล่า

 

จากแนวคิดและหลักสูตรการศึกษาของประเทศออสเตรเลียที่มีเป้าหมายให้นักเรียนแต่ละคน ได้มีโอกาสค้นหาตัวเองและศึกษาในสิ่งที่สนใจอย่างแท้จริง เพื่อให้เกิดความมุ่งมั่นและความริเริ่มสร้างสรรค์ โดยเฉพาะระดับนักเรียนในชั้นปีที่ 10 ถึง 12 หรือมัธยมศึกษาตอนปลาย นักเรียนสามารถเลือกเรียนวิชาที่ตนเองสนใจอย่างอิสระ ไม่ว่าเป็นทางด้านธุรกิจ เศรษฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ดิจิทัลเทคโนโลยี ดนตรี หรือการละคร เป็นต้น ในขณะเดียวกัน การเป็นนักเรียนประจำ ก็ช่วยบ่มเพาะนิสัยความมีระเบียบวินัย รู้หน้าที่และความรับผิดชอบ ตลอดจนการแก้ปัญหาด้วยตนเองให้กับเธอ

 

แม้ว่าในขณะนั้น พลอยจะยังไม่สามารถมองเห็นภาพที่ชัดนัก ว่าในอนาคตอยากจะเป็นอะไร เธอรู้เพียงว่าผลการเรียนวิชาที่เกี่ยวข้องกับทางด้านธุรกิจที่เธอเลือก สามารถทำผลสอบได้ดี ประกอบกับเห็นคุณพ่อทำงานเกี่ยวกับการให้คำปรึกษาทางธุรกิจ และเธอเห็นเป็นหนึ่งใน role model ของเธอ จึงตัดสินใจเลือกเรียนต่อในระดับปริญญาตรีด้านบริหารธุรกิจ ที่ University of Queensland ประเทศออสเตรเลีย ก่อนมีโอกาสไปทำงานที่ประเทศสิงคโปร์ ในบทบาททีมงานผู้ให้คำปรึกษาด้านการประเมินความเสี่ยงที่บริษัท Deloitte ในประเทศสิงคโปร์ เป็นเวลา 4 ปี ก่อนที่จะเดินทางไปศึกษาต่อในระดับ MBA ที่ Northwestern University ประเทศสหรัฐอเมริกา

 

หลังจากนั้น พลอยได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ ขยายขอบเขตความรู้และเพิ่มพูนศักยภาพของตัวเอง ในฐานะทีมงานที่ปรึกษาของ บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำของโลกอย่าง Boston Consulting Group เป็นเวลาประมาณ 2 ปี เป็นที่ทราบกันว่า การจะผ่านการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในสมาชิกของบริษัทที่ปรึกษาแห่งนี้ นอกจากจะเน้นเรื่องความเก่งแล้ว ยังการันตีถึงความทรหด อดทนในการทำงานอีกด้วย

 

“มองย้อนกลับไป แม้จะเป็นเวลาไม่กี่ปี แต่สิ่งที่ติดตัวมาจนถึงทุกวันนี้คือ การเป็นคนที่ productive มากๆ เพราะด้วยความคาดหวังของลูกค้า ภายใต้กรอบเวลาที่สั้น ในเวลาที่กระชั้นชิด เช่น การประชุมวันนี้ พรุ่งนี้ต้องกลับไปนำเสนอ จึงหล่อหลอมให้เป็นคนที่เชื่อและยึดมั่นใน can-do attitude” เธอกล่าว

 

ต่อมา พลอยได้มีโอกาสย้ายมาทำงานในฐานะฝั่งลูกค้าบ้าง เริ่มจากการมาดูแลงานด้าน Corporate Strategy ที่ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ ดีแทค ในอดีต ซึ่งที่นี่ เปรียบเหมือน “สปริงบอร์ด” ทำให้เธอมีโอกาสเข้าสู่วงการโทรคมนาคมและสายดิจิทัลเทคเต็มตัว ดูแลงานหลากหลายฟังก์ชั่น ตั้งแต่กลยุทธ์องค์กร บริการออนไลน์ การตลาดดิจิทัล กลยุทธ์การตลาด

 

 

Mindfulness สู่ Results

 

ด้วยฝีมือการทำงานที่โดดเด่น จัดการได้อย่างลุล่วง พร้อมรับมือทุกความท้าทาย ทำให้พลอยได้รับความไว้วางใจจากผู้ใหญ่ในองค์กรในบทบาท “ผู้นำ” ในตำแหน่ง vice president เป็นครั้งแรกเมื่ออายุเพียง 31 ปี และขยายความรับผิดชอบที่มากขึ้นในตำแหน่ง senior vice president สายงาน postpaid market and product ในวัยเพียง  35 ปี ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผู้บริหารระดับสูงที่มีอายุน้อยที่สุดขององค์กรในขณะนั้น

 

แต่…ชีวิตไม่เคยง่าย

 

ก่อนหน้าที่พลอยจะได้รับการทาบทามในตำแหน่งใหม่นี้ เธอเพิ่งกลับมาจากการใช้สิทธิลาคลอดเป็นระยะเวลา 6 เดือน นั่นหมายความว่า เธอจะต้องทำหน้าที่ผู้บริหารและแม่ลูกอ่อนไปพร้อมๆ กัน ครั้งแรกของการถูกเชิญชวน เธอจึงมีความกังวลอยู่บ้าง

 

“โดยปกติ พลอยไม่เคยปฏิเสธโอกาสที่เข้ามาและพร้อมจะรับความท้าทายเสมอ แต่ครั้งนี้มีความแตกต่างจากอดีตที่ผ่านมา เพราะด้วยประสบการณ์ที่ยังไม่มากนักและลูกน้อยในวัย 8 เดือน ที่ยังต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดจากผู้เป็นแม่ จึงมีความลังเลใจอยู่ไม่น้อย ด้วยเกรงว่าจะไม่สามารถทำหน้าที่อันใหญ่หลวงได้ดีในทั้งสองบทบาท   แต่สุดท้ายพลอยก็เลือกที่จะ ‘SAY YES’ ค่ะ”

ประกอบกับช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง สถานการณ์โควิด-19 ยังคงครุกรุ่นอยู่ การประดังประเดของอุปสรรคต่างๆ อาจจะทำให้พลอยมีอาการโซซัดโซเซไปบ้าง แต่กระนั้น เธอก็สามารถจัดการและข้ามผ่าน “สถานการณ์ฝุ่นตลบ” ได้ด้วยดี ซึ่งเคล็ดไม่ลับที่เธอใช้ นั่นก็คือ สิ่งที่เรียกว่า “mindfulness” กล่าวคือ การมีสติอยู่กับปัจจุบันขณะและโฟกัสที่สิ่งที่ทำอยู่ตรงหน้า เพื่อผลลัพธ์ที่มากที่สุด

 

“ที่สำคัญ นโยบายบริษัทที่มอบสิทธิลาคลอดบุตรให้แม่เป็นเวลา 6 เดือนคือ สิ่งที่ล้ำค่ามากๆ ส่วนเพิ่มขยายจากสิทธิแรงงานตามกฎหมาย 3 เดือนช่วยให้ เราทำหน้าที่แม่ได้สมบูรณ์มากขึ้น เพราะช่วงเดือนที่ 4-6 ของลูก เขาก็ยังต้องการความใส่ใจอย่างใกล้ชิดจากเรา”

 

อย่างไรก็ตาม สิทธิลาคลอด 6 เดือนก็ถูกตั้งคำถามถึงการนำไปปฏิบัติจริงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่สร้างความขัดแย้งภายใน เนื่องจากทรัพยากรบุคคลที่มีอย่างจำกัด พลอย ให้ความเห็นว่า ในฐานะที่เธอผ่านการใส่หมวกทั้ง 2 ใบ เธอเชื่อว่า ทุกอย่าง “จัดการ” ได้ ซึ่งประกอบด้วยหลักใหญ่ๆ 3 ข้อ

 

1. Leader takes the lead ผู้นำต้องแสดงภาวะผู้นำ ด้วยการเสียสละรับงานบางส่วนของผู้ใช้สิทธิไว้เองก่อน

2. Prioritising tasks ในช่วงเวลา 6 เดือนนั้น อาจปรับแผนการทำงานให้สอดคล้องกับทรัพยากร เพราะแผนการทำงานไม่ควรมีเพียงหนึ่งเดียว และต้องมีความยืดหยุ่น เหมาะสมกับสถานการณ์

3. Advance Planning ผู้นำควรมีการวางแผนล่วงหน้า

 

“ความขัดแย้งภายในทีม จากนโยบายลาคลอด 6 เดือน จะไม่เกิดขึ้นเลย หากหัวหน้ามีการเตรียมพร้อมที่ดี วางแผนล่วงหน้า กระจายภาระหน้าที่อย่างสมดุล และจากประสบการณ์งานด้านบริการให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์ที่ผ่านมา พบว่าปัญหาต่างๆ มักจะมีทางออก”

 

สามี: ผู้ชายคนที่สองผู้เป็นพลังใจแก่ผู้หญิง

 

ผู้บริหารหญิงเก่งคนนี้ กล่าวเสริมว่า “สามี” รวมถึงคุณตาคุณยาย ถือเป็นอีกกำลังสำคัญที่ทำให้เธอสามารถทำหน้าที่ทั้ง “แม่ของลูก” และ “หัวหน้าของน้องๆ” ได้อย่างเต็มที่ เพราะผู้เป็นแม่ระยะแรกคลอด เธอจะเผชิญกับภาวะการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ทั้งระดับฮอร์โมน การให้นมลูก กรณีของเธอ เผชิญกับภาวะพักผ่อนไม่เพียงพอ  เป็นเวลาทั้งสิ้น 6 เดือน โชคดีที่สามีเข้ามามีส่วนร่วมในการเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิด ซึ่งเขาจะทำหน้าที่สลับสับเปลี่ยนในการดูแลลูกแทนในบางช่วงเวลา ทำให้ลดภาระความเหน็ดเหนื่อยของผู้เป็นแม่อย่างมาก

 

 

“การที่พ่อมีส่วนร่วมกับแม่ในการดูแลลูก มันไม่ใช่แค่ช่วยลดความเหนื่อยล้าทางกายของแม่เท่านั้น แต่ยังเพิ่มพลังใจ ให้ลูกรู้สึกอุ่นใจว่าชีวิตของเขาจะมีคนอยู่ข้างๆเสมอ และสามารถอยู่ด้วยได้อย่างสนิทใจ ซึ่งพลอยถือว่าโชคดีมากที่สามี คุณพ่อ คุณแม่ ตลอดจนการให้โอกาสและสนับสนุน  ให้พลอยได้ทำหน้าที่แม่และพนักงานของบริษัทได้อย่างไม่ตกหล่น”

 

จะเห็นได้ว่า “แม้จะต้องมีบทบาทความเป็นแม่อย่างเต็มที่” บริษัทก็ยังส่งเสริมและเปิดโอกาสให้เติบโตได้ตามศักยภาพ ตามมิติความเท่าเทียมทางเพศอย่างแท้จริง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนในครอบครัวและองค์กรที่ดีล้วนมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมให้สถาบันครอบครัวแข็งแรงและยั่งยืนทั้งสิ้น

 

 

จากวันนั้นถึงวันนี้ ผู้บริหารหญิงแห่งทรู คนนี้ ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความสามารถของผู้หญิงที่ไม่ยิ่งหย่อน ในฐานะมืออาชีพ ที่ประสบความสำเร็จทั้งชีวิตครอบครัวและการเติบโตในหน้าที่การงาน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า เบื้องหลังความสำเร็จนี้ของเธอ มีผู้ชาย 2 คนที่เดินเคียงบ่าเคียงไหล่ และเป็น peace of mind ให้เธอ

 

ดูเหมือนว่า จากเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่เติบโตแบบเรียบง่ายในอดีต จะสนุกกับการโลดแล่นโบยบินบนโลกผืนใหญ่นี้เสียแล้ว