“ดีแทค อยู่เพื่ออะไร?”
นี่คือจุดเริ่มต้นของการหา Brand Purpose หรือจุดมุ่งหมายของแบรนด์
“การที่ธุรกิจรู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่ทำไปเพื่ออะไร มีความหมายต่อโลกใบนี้อย่างไร จะทำให้คนในองค์กรเห็นทิศทางการเติบโตขององค์กรไปในทางเดียวกัน รู้ว่าสิ่งใดที่ใช่ สิ่งใดที่ไม่ใช่ เมื่อนิยามที่แท้จริงถูกกำหนดขึ้น”
“ดิฉันมาทำงานที่ดีแทคได้ 6 เดือนแล้ว ออกไปคุยกับผู้คนเยอะมาก ฟังเสียงของพวกเขาตลอด นี่คือการ Walk and talk ของจริง ที่ผ่านมาเราถูกวิจารณ์ว่าเราไม่โฟกัสที่ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ซึ่งเกิดจากความคิดแบบ Inside Out มากเกินไป จิตวิญญาณด้านนวัตกรรมของเราสั่นคลอน บ้างก็ว่าทิศทางธุรกิจของเราไม่ชัดเจน ตอนนี้ถึงเวลาแล้วค่ะ ที่เราจะสร้างตัวตนใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง และจะไม่ย่อหย่อนต่ออะไรทั้งนั้นอีกต่อไป”
อเล็กซานดรา ไรช์ ซีอีโอดีแทค ประกาศปลุกยักษ์ของคนทั้งองค์กรเพื่อลุกขึ้นมาส่งต่อสิ่งที่ดีๆ ที่จะนำไปสู่การปลดปล่อยศักยภาพ ปลุกยักษ์ตัวต่อไปในตัวตนของลูกค้าทุกคน ผ่านจุดมุ่งหมายของแบรนด์ดีแทค นั่นคือ “Unleash the giant in you….for a Happier you” ปลุกพลังยักษ์ในตัวคุณ ให้เป็นคุณที่ดีกว่า
เธอเน้นว่า ดีแทคต้องเป็นมากกว่าบริษัทด้านโทรคมนาคมด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มที่มากกว่าการเชื่อมต่อสื่อสาร (Beyond Connectivity) ในยุคที่เทคโนโลยีใหม่เกิดขึ้นเต็มไปหมดและจะทำให้วิถีชีวิตของผู้คนอยู่กับโทรศัพท์มือถือในมือมากขึ้น (Mobile Centric) ลูกค้าจะคาดหวังการบริการและคุณภาพสินค้าที่ดีมากขึ้นอยู่เสมอ จากนี้ ดีแทค จะมีแนวทางการดำเนินงานรูปแบบใหม่ โมเดลธุรกิจใหม่ รวมถึงการร่วมมือกันกับแบรนด์อื่นๆเพื่อโอกาสทางธุรกิจเพิ่มมากขึ้นด้วย
“เราจะจับมือกับเพื่อนต่างอุตสาหกรรมมากขึ้น เช่นเดียวกันเราต้องเข้าใจลูกค้ามากขึ้นด้วย วิสัยทัศน์องค์กรคือ Opening a whole world of amazing opportunities ต้องสร้างโอกาสที่ยอดเยี่ยมใหม่ๆขึ้นมาให้ได้ ”
ซึ่งข้อพิสูจน์ล่าสุดเลยก็คือ การเปิดตัวแพลตฟอร์มเชื่อมต่อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ( EV Connectivity Platform) ครั้งแรกของเมืองไทย ซึ่งตอบโจทย์ยุคของอินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง (Internet of Things) และเทรนด์ของพลังงานสะอาดอย่างรถพลังงานไฟฟ้าที่จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในอนาคต ดีแทค จะร่วมมือพันธมิตรจากต่างประเทศเพื่อผลักดัน E- Scooter รถสกู๊ตเตอร์พลังงานไฟฟ้าที่สามารถใส่ซิมการ์ดและเชื่อมต่อกับระบบของ ดีแทค ส่งถ่ายข้อมูลและสื่อสารกับอุปกรณ์หรือยานยนต์อื่นในระบบนิเวศน์ของตนได้ คาดว่าจะสามารถทำตลาดในประเทศไทยได้เร็วๆ นี้
แม้แนวคิดค่อนข้างจะ ‘ฝรั่ง’ พอสมควร แต่ถือว่าเป็นไอเดียที่เฉียบและเหมาะสมกับสถานการณ์ของธุรกิจไทยในตอนนี้ที่การแข่งขันรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และทุกองค์กรต่างก็มีสิทธิจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังได้เท่าๆ กันหากไม่ปรับตัว
เธอเชื่อว่าไม่เพียงแต่ตัวเธอเท่านั้นที่มีความฝัน ดีแทค พนักงานของ ดีแทค และลูกค้าของ ดีแทค ทุกคนต่างก็มีความฝันที่อยากจะทำให้สำเร็จ สิ่งที่สำคัญคือ การปลุกยักษ์ที่เปรียบเสมือนศักยภาพในตัวขึ้นมาจากการหลับใหล ให้ออกไปพบกับโอกาสที่ดีในชีวิตและพร้อมที่จะวิ่งไปข้างหน้าอย่างเต็มฝีเท้า เพื่อชีวิตที่มีความสุขมากกว่าเดิม
แล้วจะทำให้เป็นจริงได้อย่างไร?
“เราต้องกล้าท้าทายความธรรมดาเดิมๆที่ทำกัน กล้าสร้างผลลัพธ์ใหม่ขึ้นมาคำถามที่สำคัญคือ ถามตัวเองเสมอว่าจะทำให้ดีกว่าเดิมเพื่อลูกค้าและองค์กรได้ยังไง หลักการสำคัญที่เราจะทำจากนี้คือ ยิ่งเข้าใจ ยิ่งได้ใจลูกค้า (Customer obsessed) พูดจริงทำจริง ตรงไปตรงมา (Honesty) เราต้องเข้าใจง่าย เข้าถึงได้ (Simplicity) และคน ดีแทค จะต้องสร้างสรรค์ให้สนุก สุขให้มีรอยยิ้ม (Fun) กับการทำงานอยู่เสมอ”
สำหรับกลยุทธ์สำคัญที่จะเป็นการปลุกยักษ์สีฟ้า (Unleash) ตัวนี้ขึ้นมา ได้แก่
- การพัฒนาเครือข่าย (Our Network) ขณะนี้คลื่นที่ ดีแทค บริหารจัดการถือว่าเพียงพอและแข็งแกร่งในการรองรับทุกความต้องการของลูกค้าในอนาคตแล้ว รวมถึงความพร้อมในการยกระดับสู่เครือข่าย 5G ด้วย
- การพัฒนาทักษะของพนักงาน (Our People) ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ ภายใต้หลักการสำคัญคือ รักและเข้าใจลูกค้า พร้อมที่จะส่งมอบบริการที่ดีที่สุดเสมอ
- ข้อเสนอที่ดีที่สุดเพื่อลูกค้าทุกคน (Our Offer) ค่อนข้างชัดเจนว่า ดีแทค จะกลับมาแข้งขันเข้มข้นในตลาดโทรคมนาคมอีกครั้งในปีนี้ ทั้งแพ็คเกจสุดคุ้มสิทธิพิเศษและบริการที่รู้ใจจากพนักงานทุกคน
- การสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ (Our Innovation) นอกเหนือจากการพัฒนาเครือข่าย ดีแทค ยังจับมือกับพันธมิตรจำนวนมากที่จะช่วยกันต่อยอดขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งการสนับสนุนสตาร์ทอัพเพื่อนำเทคโนโลยีมาพัฒนาองค์กรและสินค้าใหม่ๆเพื่อลูกค้าในอนาคต
เมื่อถามว่ายักษ์ของคุณอเล็กซานดราตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ เธอตอบด้วยความมั่นใจและสายตาแห่งความหวังว่า “ยักษ์ของดิฉันตื่นขึ้นมา ตั้งแต่เราได้คลื่น 900 MHz มาในมือแล้วค่ะ”