ปัญหาเร่งด่วนของคนไทย ที่ดีแทคห่วงใยเสมอ
เหตุการณ์น้ำท่วมที่อ. วารินชำราบ จ. อุบลราชธานี เป็นภัยธรรมชาติที่สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้กับพี่น้องภาคอีสาน แต่นอกจากความเสียหายด้านทรัพย์สินและบ้านเรือนที่พังทลายแล้ว หลังน้ำลด บ้านเรือนของชาวบ้านต่างเต็มไปด้วยซากดินทรายตะกอนและสิ่งสกปรกมากมายที่พัดมากับสายน้ำ จนเจ้าของบ้านกลับเข้าไปอาศัยไม่ได้ บวกกับการหมักหมมของน้ำเป็นเวลานาน ก่อให้เกิดเชื้อโรคต่างๆมากมายจนทำให้ผู้ประสบภัยต่างล้มป่วยไปตามๆกัน
ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่สามารถทำความสะอาดบ้านได้ด้วยตัวเอง เพราะความเสียหายนั้นหนักมากเหลือเกิน ในบางรายบ้านทั้งหลังแทบจะลอยไปกับสายน้ำ ส่วนรายที่แย่ไปกว่านั้นคือเจ้าของบ้านเป็นผู้สูงอายุ เป็นผู้ป่วยติดเตียง ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ด้วยซ้ำ นี่จึงเป็นจุดที่มูลนิธิกระจกเงายื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออย่างเต็มที่ในภารกิจล้างบ้าน ให้ผู้ประสบภัยกลับเข้าไปอาศัยในบ้านตัวเองให้เร็วที่สุด ดีแทคเองได้มองเห็นว่าโครงการดังกล่าวสามารถช่วยชาวบ้านผู้ประสบภัยได้อย่างตรงจุด จึงรุดเข้ามาช่วยเหลือมูลนิธิกระจกเงาอย่างเต็มที่
ความตั้งใจจริงของดีแทคก่อให้เกิดโครงการ “ดีแทค อาสาล้างบ้าน” ที่รับบริจาคทั้งเงิน และโทรศัพท์มือถือที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว แต่สิ่งที่เราอยากบอกเล่าคือพนักงานดีแทคจิตอาสา ที่ร่วมแรงร่วมใจลงไปทำความสะอาดบ้านผู้ประสบภัยแบบถึงพื้นที่ พนักงานดีแทคจิตอาสาที่ลงพื้นที่มีจำนวน 40 คน ทุกคนได้ลงมือทำความสะอาดบ้านแบบจริงจัง ทั้งกวาด เช็ด ล้าง ถู เพื่อทำให้บ้านผู้ประสบภัยสะอาดและปลอดภัยพอที่เจ้าของจะกลับไปอาศัยอยู่ได้
“ดีแทค อาสาล้างบ้าน” ภารกิจที่ต้องการจิตอาสา “ตัวจริง”
ภารกิจนี้ไม่ใช่เรื่องสบายๆ เพราะมูลนิธิกระจกเงาย้ำว่าไม่ต้องการ “ตัวถ่วง” พนักงานดีแทคจิตอาสาทุกคนต้องอยู่ในสภาพแข็งแรง พร้อมลุย เพราะงานล้างบ้านนั้นเป็นงานหนัก ทุกคนต้องแบกของหนัก ท่ามกลางแสงแดดแผดเผา แถมต้องระวังอันตรายจากของที่ค้างอยู่บนที่สูง ที่อาจตกลงมาทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ ภารกิจนี้จึงต้องอาศัยความลุยอย่างเกินร้อยด้วยซ้ำ หากคิดจะมาถ่ายรูปเพื่ออวดโซเชียล มูลนิธิกระจกเงาย้ำเลยว่า “อย่ามา”
และความมุ่งมั่นของพนักงานดีแทคจิตอาสาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะทั้ง 40 คนมาด้วยใจ มุ่งมั่นช่วยเหลือชาวบ้านเต็มที่ ไม่มีอิดออด ต่างคนต่างพร้อมกันมาเหนื่อย และทิ้งตำแหน่งที่กรุงเทพไว้เบื้องหลัง ในทีแรกนั้น พนักงานดีแทคจิตอาสาก็เกิดข้อกังขาว่า ทำไมมูลนิธิกระจกเงาถึงให้ทั้ง 40 คนร่วมกันทำความสะอาดบ้านทีละหลัง แทนที่จะแบ่งกำลังไปทำความสะอาดบ้านหลายๆหลังในคราวเดียว แต่คำตอบที่ได้นั้นเกิดจากการลงมือจริง เพราะบ้านของชาวบ้านเกือบทุกหลังต่างได้รับผลกระทบอย่างหนัก เกือบทุกจุดทุกมุมในบ้านต้องได้รับการทำความสะอาด แม้ทั้ง 40 คนจะช่วยกันทำความสะอาดบ้านหลังหนึ่งจนสำเร็จ ก็ใช้พลังไปหมดแล้ว
ทุกคนทิ้งตำแหน่งไว้เบื้องหลัง แล้วสวมวิญญาณ “จิตอาสา”
แม้จะเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน แต่กำลังใจพนักงานดีแทคจิตอาสาของเราก็พุ่งเกินร้อย เพราะพวกเขาไม่ได้เหนื่อยเพียงลำพัง เพราะทีมผู้บริหารระดับสูงของดีแทค ต่างลงไปช่วยทุกคนทำความสะอาดบ้านผู้ประสบภัยแบบเคียงบ่าเคียงไหล่ ทั้งคุณอเล็กซานดรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารดีแทค คุณเจี๊ยบ ทิพยรัตน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานขาย คุณกุ้ง นาฏฤดี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานบริหารทรัพยากรบุคคล คุณมาร์คุส รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มกิจการองค์กร และคุณวรวัฒน์ ผู้บริหารจากภาคอีสาน ที่เมื่อถึงพื้นที่ ทุกท่านต่างเร่งสวมชุดป้องกัน และหยิบอุปกรณ์อย่างคล่องแคล่วมาช่วยล้างบ้าน ทำความสะอาดอย่างขะมักเขม้น
นอกจากความมุ่งมั่นตั้งใจจริง อีกสิ่งหนึ่งที่มูลนิธิกระจกเงาย้ำกับพนักงานดีแทคจิตอาสา คือความปลอดภัยของตัวเราเองจากเชื้อโรค ทุกคนต้องสวมถุงมือและรองเท้าที่แน่นหนา และใส่หน้ากากป้องกันเชื้อโรคโดยไม่มีข้อยกเว้น เพราะเชื้อโรคที่เกิดจากการหมักหมมน้ำเน่าในบริเวณประสบภัยเป็นปัญหาหลักที่สร้างความเจ็บป่วยให้กับชาวบ้าน พนักงานดีแทคจิตอาสาทุกคนต้องห้ามสัมผัสร่างกายตัวเองเด็ดขาด แม้กระทั่งการถอดหน้ากากหรือกินน้ำดื่ม ก็ต้องให้คนอื่นช่วย
แม้ภารกิจจะหนักหนาแค่ไหน หรือมีอุปสรรคมากเพียงใด แต่พนักงานดีแทคจิตอาสาก็ทำสำเร็จ โดยสามวันที่เราลงพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 9-11 ตุลาคม พวกเราสามารถช่วยล้างบ้านให้ผู้ประสบภัยไปได้ 5 หลัง และศาลาเอนกประสงค์อีก 1 หลัง นี่คือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เพราะการช่วยให้ชาวบ้านกลับไปอาศัยในบ้านของตนเองได้ ถือเป็นภารกิจอันดับหนึ่งในน้ำท่วมคราวนี้ และมันจะไม่สำเร็จเลย หากไม่มีความมุ่งมั่นของทุกคน
เรื่องเล่าจากพนักงานดีแทคจิตอาสา
“ก็เหนื่อยนะคะ แต่อิ่มใจและภูมิใจ เพราะมีเพื่อนพนักงาน มีผู้บริหาร ซีอีโอมาร่วมลงแรงกับเรา”
“บ้านแรกที่ไปเป็นอาสาช่วยล้างบ้าน เป็นบ้านผู้สูงอายุ แถมป่วยเป็นไตวาย ลูกที่ดูแลก็เป็นจิตอาสาของชุมชน ลูกเขาบอกเราว่าไม่รู้จะตอบแทนคนที่มาช่วยเหลืออย่างไร เราต่างหากที่ทำสิ่งนี้เพื่อตอบแทนเขา ตอนที่เขาเป็นจิตอาสาช่วยเหลือคนในชุมชน ตอบแทนในสิ่งที่เขาทำเพื่อคนอื่นไง
“ก็เหนื่อยนะคะ แต่อิ่มใจและภูมิใจ เรามีเพื่อนพนักงาน มีผู้บริหาร ซีอีโอยังมาร่วมลงแรงกับเรา ตั้งใจจะกลับไปเล่าให้เพื่อนร่วมงานฟัง บอกความรู้สึกที่ได้ลงมาเป็นอาสาสมัคร เป็นแรงบันดาลใจให้เพื่อนได้ออกไปทำกิจกรรมเพื่อคนอื่นค่ะ”
– คุณเอ๋ ลดาอร เลิศสุวรรณกุล
ดูแลการตลาดส่วนดิจิตอลของดีแทค
“ถ้าไปท่องเที่ยวเราจะจดจำได้แต่สถานที่ที่เราไป แต่เรามาทำงานอาสาสมัคร สถานที่จะจดจำพวกคุณ”
ผมดูข่าวน้ำท่วมแล้วสะเทือนใจนะ เห็นภาพคนต้องขี่มอเตอร์ไซค์ไปเข้าห้องน้ำแล้วสะเทือนใจมาก แต่พอมาถึงพื้นที่จริง ก็ยิ่งสะเทือนใจเข้าไปใหญ่ เขาเข้าไปอยู่ในบ้านตัวเองกันยังไม่ได้เลยนะ คือมันต่ำกว่ามาตรฐานคุณภาพชีวิตที่ดีนะ สังคมเรามันยังมีแบบนี้จริงๆหรือ
คุณอ๊อดยอมรับว่าเป็นงานที่หนักหนาเอาการ “เหนื่อยครับ เราอายุมากด้วย และไม่เคยทำ แต่ตอนที่เจ้าของบ้านเขามาขอบคุณเราที่ช่วยล้างบ้านให้เขา เรารู้สึกได้เลยนะ ว่าเขารู้สึกตื้นตันจริงๆ ”
คุณอ๊อดส่งท้ายว่า “ถ้าสังคมเราช่วยกันแบบนี้นะ ปัญหาต่างๆ มันจะลดลง ดีใจนะที่เราได้มาอยู่ตรงนี้ ถ้าไปท่องเที่ยวเราจะจดจำได้แต่สถานที่ที่เราไป แต่เรามาทำงานอาสาสมัคร สถานที่จะจดจำพวกคุณ”
คุณอ๊อด ภาสกร กระเช้าเพ็ชร
ผู้จัดการบริหารโครงการ สถานีเสาสัญญาณเคลื่อนที่ของดีแทค
ขอขอบคุณภาพจาก เฟสบุ๊ค มูลนิธิกระจกเงา