ประกาศมาตรการป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส Covid-19 ภายในองค์กร (ฉบับที่ 7) วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563
ตามที่มีการระบาดอย่างต่อเนื่องของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ในประเทศกลุ่มเสี่ยง บริษัทขอให้พนักงานดีแทคปฏิบัติดังนี้
1. การเดินทางต่างประเทศในกิจการของบริษัท งดเดินทางไปต่างประเทศในทุกกรณี จนกว่าจะมีการแจ้งเปลี่ยนแปลง
2. การเดินทางต่างประเทศในกรณีส่วนตัว ให้พนักงานปฏิบัติดังนี้
- 2.1 บริษัทขอความร่วมมือให้งดการเดินทางไป หรือ ผ่าน (Transit) ยังประเทศกลุ่มเสี่ยง เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและแพร่ระบาดในหมู่เพื่อนร่วมงาน
- 2.2 ประเทศกลุ่มเสี่ยงหมายถึงประเทศตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขและ WHO ได้แก่
1. จีน |
5. เกาหลีใต้ |
9. เวียดนาม |
2. ฮ่องกง |
6. ญี่ปุ่น |
10. อิตาลี |
3. มาเก๊า |
7. สิงคโปร์ |
11. อิหร่าน |
4. ไต้หวัน |
8. มาเลเซีย |
โดยอาจมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมตามสถานการณ์ ซึ่งพนักงานสามารถติดตามได้จากประกาศของบริษัท
- 2.3. กรณีไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ให้พนักงานปฎิบัติดังต่อไปนี้
-
- ก่อนการเดินทางให้แจ้งผู้บังคับบัญชาโดยตรง Group Headและ Head of Health and Safety ทราบ
- เมื่อกลับมา ให้พนักงานเฝ้าระวังอาการอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน โดยใช้สิทธิ์การลาพักร้อน หรือ ลาโดยไม่รับค่าจ้าง ทั้งนี้เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อส่วนรวม
- กรณีที่พนักงานป่วย ให้ใช้สิทธิ์ลาป่วยตามที่แพทย์กำหนด โดยมีใบรับรองแพทย์ กรณีไม่ถึง 14 วัน ให้ใช้สิทธิ์ลาพักร้อน หรือลาไม่ได้รับค่าจ้าง
- เมื่อกลับมาทำงานวันแรก ให้พนักงานใส่หน้ากากอนามัยพร้อมตรวจวัดอุณหภูมิ โดยผู้บังคับบัญชาโดยตรงหรือเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ
- 2.4. สำหรับพนักงานที่ได้เดินทางไปแล้วและอยู่ระหว่างการเดินทาง และกลับมาหลังประกาศฉบับนี้มีผล (วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563) ให้พนักงานปฎิบัติดังต่อไปนี้
- เมื่อกลับมา ให้พนักงานเฝ้าระวังอาการอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน โดยใช้สิทธิ์การลาป่วย โดยไม่ต้องแสดงใบรับรองแพทย์ เป็นกรณียกเว้นเนื่องจากเดินทางก่อนประกาศมีผล
- เมื่อกลับมาทำงานวันแรก ให้พนักงานใส่หน้ากากอนามัยพร้อมตรวจวัดอุณหภูมิ โดยผู้บังคับบัญชาโดยตรงหรือเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ
- 2.5. พนักงานที่เดินทางกลับมาทำงานตามปกติแล้วจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ก่อนประกาศฉบับนี้มีผล (วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563) ให้ปฏิบัติตามประกาศฉบับที่ 6 ซึ่งสรุปได้ ดังนี้
- หากไม่มีอาการ ขอให้สวมใส่หน้ากากอนามัยในขณะอยู่ในพื้นที่สำนักงาน และทำการวัดอุณหภูมิร่ายกายที่ห้องพยาบาลเป็นเวลา 14 วันหลังจากเดินทางกลับ
- หากมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจไม่สะดวก ให้พนักงานรีบไปพบแพทย์ และลาป่วยกับผู้บังคับบัญชาโดยตรง พร้อมทั้งรายงาน Division Head และ Head of Health & Safety โดยทันที
- 2.6. กรณีมีการประกาศเปลี่ยนแปลงประเทศกลุ่มเสี่ยงเพิ่มเติม ให้พนักงานปฎิบัติตามข้อบังคับ 2.4
3. กรณีครอบครัวหรือผู้ติดต่อใกล้ชิดเดินทางไปและกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง
- 3.1. ให้พนักงานปฏิบัติตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เช่น หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง ใช้ของร่วมกัน หรือ อยู่ใกล้ชิด เป็นเวลา 14 วัน
- 3.2. ให้พนักงานแจ้ง ผู้บังคับบัญชาโดยตรง และ Head of Health & Safety
- 3.3. ใส่หน้ากากอนามัย พร้อมวัดอุณหภูมิร่างกายที่ห้องพยาบาลทุกวันเป็นเวลา 14 วัน
4. กรณีครอบครัวหรือผู้ติดต่อใกล้ชิดสัมผัสกับผู้ป่วยหรือผู้ป่วยเข้าเกณฑ์ต้องเฝ้าระวังตามคำสั่งของกระทรวงสาธารณสุข (Patient under investigation) ให้ปฎิบัติตามข้อ 2.4
5. กรณีที่ต้องติดต่อลูกค้าหรือบุคคลที่มาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ให้พนักงานปฏิบัติดังนี้
- 5.1. งดรับการนัดหมายและพบปะโดยตรง (Face to Face)
- 5.2. ใช้ช่องทางการสื่อสารทางอื่นแทน เช่น Teleconference, VDO call เป็นต้น
6. สำหรับบุคคลภายนอกที่เข้ามาปฎิบัติหน้าที่ในสถานที่ประกอบการของบริษัททุกพื้นที่ เช่น vendor, outsources, consultants เป็นต้น ขอให้หน่วยงานต้นสังกัดแจ้งเกณฑ์การปฎิบัติตามประกาศนี้ให้ทราบ เพื่อถือปฎิบัติเช่นเดียวกัน
7. งดจัดประชุมหรือกิจกรรมที่มีผู้เข้าร่วมงานจากต่างประเทศมากกว่า 15 คนขึ้นไป ยกเว้นการประชุมหรือกิจกรรมที่ได้รับการอนุมัติไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องจัดประชุมหรือกิจกรรมตามที่กล่าวมา ให้ขออนุมัติจาก Group Head และ Head of Health & Safety
8. บริษัทแนะนำให้งดการพาสมาชิกในครอบครัวมายังสถานที่ประกอบการของบริษัททุกพื้นที่
9. หากพบว่าตนเองมีอาการป่วยหรือพบผู้ต้องสงสัย ให้ รีบพบแพทย์ และแจ้งผู้บังคับบัญชาโดยตรง และ Head of Health & Safety Division
ทั้งนี้บริษัทได้เพิ่มมาตราการคัดกรองโดยการตรวจเช็คอุณหภูมิของพนักงาน และผู้มาติดต่อก่อนเข้าพื้นที่สำนักงาน
ขอความร่วมมือให้พนักงานทุกท่านปฏิบัติตามมาตราการนี้อย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในสุขภาพของตัวท่านเองและส่วนรวม กรณีพนักงานไม่แจ้งข้อเท็จจริงการเดินทางและข้อมูลตามมาตรการที่ประกาศไว้ข้างต้น หากบริษัทตรวจทราบภายหลัง บริษัทถือว่าฝ่าฝืนคำสั่ง ซึ่งจะถูกดำเนินการทางวินัย ในส่วนของผู้บังคับบัญชาโดยตรงมีหน้าที่ดูแล รับผิดชอบ และตรวจสอบ ให้พนักงานปฎิบัติตามข้อกำหนดของบริษัท กรณีผู้บังคับบัญชาโดยตรงไม่ปฎิบัติตามข้อกำหนด บริษัทถือว่าฝ่าฝืนคำสั่งเช่นกัน
มาตรการนี้มีผลตั้งแต่ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงซึ่งทางบริษัทจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง