- ผุด 5G คลื่น 26 GHz ตอบโจทย์ใช้งานกล้องตรวจการณ์อัจฉริยะ
- พร้อมลุย 5G ต่อยอดเพิ่มบริการใหม่สู่พื้นที่ EECi
22 ตุลาคม 2563 – ดีแทคจับมือ ปตท. นำ 5G IoT บนคลื่น 26 GHz หรือ Millimeter wave (mmWave) สู่การพัฒนาโครงการพัฒนาพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์เพื่อ EECi ประเดิม use case กล้องตรวจการณ์ (surveillance cameras) รับยุคความปกติใหม่ (new normal) ผู้บริหารสามารถควบคุมระยะไกลประสิทธิภาพสูงจากทุกพื้นที่ทั่วโลก แต่สามารถติดตามเรียลไทม์เสมือนนั่งควบคุมที่ EECi จ.ระยอง เผย ปตท. มั่นใจการใช้ 5G และดิจิทัลเพื่อการทำงานทุกที่ พร้อมเดินหน้าปูทางสู่เมืองวิจัยนวัตกรรมของประเทศ ดีแทคพร้อมต่อยอด 5G สู่การใช้งานทุกกลุ่มอุตสาหกรรมต่อไป
กล้องตรวจการณ์อัจฉริยะ 5G ปักหมุด EECi ใช้งานจริงตอบโจทย์ ปตท.
สำหรับกล้องตรวจการณ์อัจฉริยะที่ ปตท. นำมาติดตั้งที่ EECi เป็นกล้องมีความละเอียดสูง Ultra-HD ใช้งานติดตั้งประจำที่ด้วยพลังซูมถึง 55 เท่า เพื่อตรวจการณ์ ค้นหา ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยสามารถควบคุมจากระยะไกล ถ่ายทอดภาพเคลื่อนไหวและไฟล์เสียงแบบเรียลไทม์ ด้วยข้อมูลความละเอียดสูงที่ต้องรับ-ส่งผ่านเครือข่ายมีขนาดมหาศาลจำเป็นต้องใช้การรับส่งผ่านจากสัญญาณดีแทค 5G ด้วยคลื่น 26 GHz เพื่อตอบโจทย์ให้กล้องตรวจการณ์อัจฉริยะได้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งให้ศักยภาพได้เหนือกว่าการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สายและผ่านไฟเบอร์ในรูปแบบอื่น
นายชารัด เมห์โรทรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “ดีแทคมองเส้นทางสู่การพัฒนา 5G ที่ยั่งยืนในประเทศไทยนั้น มีเงื่อนไขแห่งความสำเร็จที่ต้องให้ความสำคัญอย่างจริงจังนั่นคือ การก้าวสู่ 5G โดยคลื่นความถี่ที่ต้องมาปฏิวัติรูปแบบการใช้งาน หรือ use-case พร้อมกับองค์ประกอบที่เกื้อหนุนกัน และต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน (collaboration) เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จในการพัฒนา 5G ให้เกิดขึ้นทั่วประเทศไทย”
นายประเทศ ตันกุรานันท์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเทคโนโลยี ดีแทค กล่าวเพิ่มเติมว่า “เมื่อคำนึงถึงคุณสมบัติของเทคโนโลยีและรูปแบบการใช้งาน จะเห็นได้ว่าคลื่นความถี่ 26 GHz เหมาะสมที่จะพัฒนาการใช้งาน 5G เพื่ออุตสาหกรรมและกลุ่ม B2B ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะพัฒนาด้วยคลื่นที่มีปริมาณความจุเพื่อรองรับการใช้งานและการตอบสนองที่แม่นยำ เพื่อการใช้งานแบบ อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet of Things) คือการเชื่อมโยงของอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งบริการทางไกลเพื่อสุขภาพต่างๆ การเชื่อมต่อเครื่องจักรและหุ่นยนต์ และรองรับการใช้งานรับ-ส่งข้อมูลปริมาณมากที่มีความเสถียรของโซลูชั่นกล้องตรวจการณ์”
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า โครงการพัฒนาพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์เพื่อเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ตั้งอยู่ที่ ต.ป่ายุบใน อ.วังจันทร์ จ.ระยอง บนพื้นที่ 3,454 ไร่ เป็นโครงการที่ ปตท. มุ่งหวังที่จะสร้างความร่วมมือทุกภาคส่วน ช่วยขับเคลื่อนการวิจัย และพัฒนานวัตกรรม ให้เกิดขึ้นและประสบความสำเร็จในระดับที่สามารถนำไปสร้างธุรกิจใหม่ ๆ ตามแนวคิด Powering Thailand’s Transformation เพื่อยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันและขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลง พร้อมพัฒนาสังคมและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย ดังนั้น ปตท. จึงได้ร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน หลายฝ่าย รวมถึง บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จํากัด (มหาชน) หรือดีแทค โดยใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติที่สำคัญของเทคโนโลยี 5G ในการพัฒนาธุรกิจและนวัตกรรมต่าง ๆ
นายวิทวัส สวัสดิ์-ชูโต ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีและวิศวกรรม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า โครงการ 5G x UAV SANDBOX เป็นการเปิดพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ให้ผู้สนใจ
ทุกภาคส่วนได้ทดสอบนวัตกรรมต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพความเร็วในการรับส่งข้อมูล เพื่อการตอบสนองที่ไวขึ้น ซึ่งปัจจุบันได้นำศักยภาพของ 5G ไปทดลองใช้เป็น Use cases ต่าง ๆ รวมถึง UAV (Unmanned Aerial Vehicle) และการจัดการการบิน โดย ปตท. และพันธมิตรร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีในโครงการโครงการ 5G x UAV SANDBOX
คลื่น 26 GHz หรือ Millimeter wave (mmWave) 5G มีคุณสมบัติในการให้บริการเหนือกว่า 4G ดังนี้
- ความเร็ว (Speed) – ด้วยกล้อง ultra-HD ที่ใช้งานในโครงการ ปตท. จะต้องการความเร็วอัปโหลดถึง 11 Mbps ซึ่ง 4G อาจจะไม่รองรับได้เพียงพอ ดังนั้น คลื่นmmWave 5G สามารถตอบโจทย์ได้ โดยคลื่นดังกล่าวให้ความเร็วในการทดสอบระดับโลกในการอัปโหลด 40-1000Mbps
- ความจุช่องสัญญาณ (Capacity) – ในการพัฒนาใช้งานสู่อนาคตที่ต้องการการเชื่อมต่อที่รองรับกล้อง ultra-HDเป็นจำนวนหลายร้อยจุด ทำให้สัญญาณ 4G จะไม่เพียงพอในการตอบสนองได้ แต่สำหรับคลื่น mmWave 5Gให้ความจุของช่องสัญญาณรองรับมากกว่า 3-4 เท่าเมื่อเทียบกับ 4G จึงทำให้รองรับประสิทธิภาพได้มากยิ่งขึ้น
- ความเชื่อมั่น (Reliability) – 5G สามารถนำมาใช้งานอย่างไว้วางใจเมื่อต้องการความปลอดภัยและความต่อเนื่องมากกว่า 4G ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานเช่นวิดีโอที่ต้องทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้ภาพสะดุด เช่น 5G สามารถแบ่งการให้บริการแบบเจาะจงด้วย network slicing ดังนั้นการใช้งานในรูปแบบ IoT ของ ปตท. จะสามารถใช้ช่องสัญญาณเพื่อความเสถียรในการใช้งานแยกจากการให้บริการกับลูกค้าทั่วไป
นายราจีฟ บาวา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กร ดีแทค กล่าวเพิ่มเติมว่า “นอกจากกล้องตรวจการณ์อัจฉริยะ 5G ที่ได้ใช้งานแล้ว ดีแทคยังร่วมทดสอบกับ ปตท.ในส่วนของ 5G FWA หรือ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงประจำที่ พร้อมทั้งยังมีแผนความร่วมมือต่อไปในส่วนของโซลูชั่นอื่นๆ เทคโนโลยีการสื่อสารมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจเพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆ ในยุคดิจิทัล ทั้งยังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งเชิงเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาวอีกด้วย”
ทั้งนี้ ดีแทคยังเตรียมแผนที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมและพันธมิตรต่างๆ ให้ทดสอบและใช้งาน 5G คลื่น 26 GHz ใน use case รูปแบบต่างๆ อีกมากมาย อาทิ โซลูชั่นควบคุมไฟฟ้าอัจฉริยะเพื่อธุรกิจ (Smart MDB) ระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ (Smart Security) เซ็นเซอร์คลังสินค้า (Warehouse Sensors) ระบบแจ้งเตือนผล (Intelligent Report) ระบบติดตามรถยนต์ (Smart Tracking – Vehicle) และ ระบบเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) เป็นต้น