เมื่อปีที่ผ่านมา เชาวฤทธิ์ พูนผล ช่างภาพสถาปัตยกรรม ได้เลือกทางเดินก้าวใหม่ ที่แม้จะเสี่ยงแต่ก็เป็นเส้นทางอาชีพในฝันของเขา
เชาวฤทธิ์ พูนผล อดีตสถาปนิกแห่ง A49 บริษัทออกแบบอาคารชั้นนำของไทย เขาทำงานอยู่ที่บริษัทดังกล่าวเป็นเวลา 7 ปี โดยเริ่มต้นจากเด็กฝึกงาน ก่อนจะไต่เต้าไปสู่ตำแหน่งสถาปนิกอาวุโส ในขณะที่ตัวตนอีกด้านนั้น เขาคือช่างภาพสถาปัตยกรรมอิสระผู้ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการตัวมากขึ้นเรื่อยๆ กระนั้น ภาระงานทั้งสองก็ค่อยๆ ทวีความกดดัน จนเขาประสบกับภาวะหมดไฟ นี่เองกลายเป็นชนวนของเรื่องราวการต่อสู้กับความท้าทายครั้งใหญ่เพื่อให้เขาได้ทำในสิ่งที่ฝัน
“ผมคิดไว้ตั้งแต่เมื่อ 3 ปีที่แล้วว่าจะลาออกมาเป็นช่างภาพสถาปัตยกรรมเต็มตัว แต่ผมไม่แน่ใจว่ามันจะไปได้แค่ไหน จนตอนหลังเริ่มมีลูกค้าเข้ามาหาผมมากขึ้นเรื่อยๆ เราไม่ต้องออกไปวิ่งหางานแล้ว ใครก็ไม่รู้จู่ๆ ก็โทรหาผม บอกว่าลูกค้าของเราคนก่อนหน้านี้แนะนำมา จนผมค่อนข้างมั่นใจแล้วว่ามันจะไปได้ แต่ความกดดันของการทำงานสองที่พร้อมกันก็เริ่มส่งผลต่อตัวผม” เชาวฤทธิ์กล่าว
ในขณะนั้น เชาวฤทธิ์ทำงานเป็นสถาปนิกเต็มเวลาในช่วงวันจันทร์ถึงศุกร์ และในช่วงสุดสัปดาห์ เขาจะรับงานถ่ายภาพอาคารที่มีชื่อเสียงต่างๆ ทั่วประเทศในฐานะฟรีแลนซ์ เมื่ออาชีพช่างภาพอิสระของเขาเริ่มประสบความสำเร็จมากขึ้น งานของเขาก็ได้รับการตีพิมพ์ตามหน้าหนังสือและนิตยสารต่างๆ แต่ในปี 2561 เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังตกเป็นเหยื่อของความสำเร็จ และไม่สามารถรับมือกับภาระงานที่หนักขึ้นจากทั้งงานประจำและงานฟรีแลนซ์ได้อีกต่อไป
“ตอนช่วงปีสุดท้าย เจ้านายผมบอกว่าคุณภาพงานของผมเริ่มแย่ลง ผมเริ่มส่งงานฟรีแลนซ์ไม่ทัน ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยส่งงานช้าสักครั้ง เลยค้นพบว่าเราทำงานหนักเกินไปและกำลังประสบภาวะหมดไฟจากการทำงาน ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่อยากทำอะไรหรือยุ่งกับใคร ไม่อยากตื่นนอนเพื่อไปตอกบัตรเข้าออฟฟิศตอนแปดโมงครึ่ง ถึงขั้นที่ผมต้องไปหาจิตแพทย์เพื่อทานยาปรับสมดุล แล้วผมไม่มีเวลาให้ครอบครัวด้วย ซึ่งอย่างหลังเป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกแย่ที่สุด” เชาวฤทธิ์นึกย้อนไป
เมื่อรู้ตัวว่าต้องทำงานให้น้อยลง เชาวฤทธิ์ก็รวบรวมความกล้าและตัดสินใจลาออกจากอาชีพสถาปนิก หนึ่งเดือนต่อมา เขาร่วมกับเพื่อน ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของสตูดิโอสร้างสรรค์งานภาพ 3 มิติในการก่อตั้ง SkyGround บริการรับถ่ายภาพสถาปัตยกรรมที่ครอบคลุมทั้งภาพนิ่งและวิดีโอสำหรับลูกค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ทุกวันนี้เขารับหน้าที่ดูแลสมาชิกในทีมจำนวน 6 คน พร้อมทั้งฝึกสอนคนในทีมซึ่งมีทักษะด้านคอมพิวเตอร์กราฟฟิก ให้สามารถถ่ายภาพได้ด้วย
ในปีนี้ สตูดิโอของเขารับงานถ่ายภาพอาคารต่างๆ กว่า 200 แห่ง นับตั้งแต่ตึกสูงระฟ้า โครงการที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี ไปจนถึงโรงแรมบูทีค บริการของทางสตูดิโอยังครอบคลุมถึงงานถ่ายวิดีโอ อันเป็นสิ่งที่เชาวฤทธิ์กล่าวว่าค่อนข้างใหม่ในแวดวงสถาปัตยกรรมไทย นอกจากนี้ เขายังมีโอกาสถ่ายภาพสถาปัตยกรรมที่ได้รับรางวัลต่างๆ อาทิ คาเฟ่ของไร่ชาฉุยฟงในจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นหนึ่งในงานที่เขาภาคภูมิใจที่สุดในปีนี้ด้วย
“ปีนี้เราได้ถ่ายวิดีโอให้อาคาร 3-4 แห่ง มันเป็นงานที่ใหม่สำหรับทั้งผมและทางทีม ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนในอาชีพช่างภาพของผม ซึ่งผมมองว่าเป็นโอกาสที่ดีให้เราได้ทดลองทำสิ่งใหม่ และสุดท้ายมันก็ออกมาประสบความสำเร็จ” เขากล่าว
ปัจจุบัน เชาวฤทธิ์ดำรงตำแหน่งผู้กำกับภาพที่ SkyGround เขาตื่นแต่เช้าตรู่และรอคอยที่จะได้เริ่มต้นวันใหม่ เขาได้ออกไปทำงานถ่ายภาพนอกสถานที่อย่างน้อย 4 วันต่อสัปดาห์ และไม่ต้องจำกัดตัวเองอยู่บนโต๊ะสี่เหลี่ยมตัวเดิมอีกต่อไปแล้ว
ผลงานภาพโดย คุณเชาวฤทธิ์ พูนผล
“ผมชอบโดนแดด ผมมีความสุขเวลาได้จับกล้องและถ่ายภาพสถานที่สวยๆ ผมชอบช่วงเวลาในการออกกองกับคนในทีม เวลาได้นั่งกินข้าวกับทีมและเข้าไปอยู่ในบ้านสวยๆ สักวันหรือสองวัน ตอนนี้ผมมีวันเสาร์และอาทิตย์กลับมาเป็นของตัวเอง ผมกลับมาส่งงานตรงเวลา และได้มีเวลาทบทวนหลายสิ่ง ผมเริ่มเห็นว่าแม่แก่ลงเยอะมาก แกเริ่มจะเดินไม่ไหวแล้ว จนผมต้องสมัครฟิตเนสให้ทั้งแม่และตัวผมเอง ทุกสุดสัปดาห์ผมจะพาแม่ไปเล่นฟิตเนส ทานข้าวนอกบ้าน ผมเริ่มออกกำลังกายมาตั้งแต่ต้นปี จนตอนนี้รู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงขึ้นและมีความสุขขึ้นด้วย”
เชาวฤทธิ์เป็นลูกค้าดีแทคมานานกว่าสิบปี และในปี 2562 เขาสังเกตเห็นการพัฒนาในด้านเครือข่ายและความเร็วในการรับส่งข้อมูล การเชื่อมต่อที่ราบรื่นนั้นจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับเขาในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า แต่สิ่งที่เปลี่ยนวิถีการทำงานของเขาไปโดยสิ้นเชิง คือการเข้ามาของอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
“ปีนี้ผมเปลี่ยนมาใช้แพ็กเกจมือถือที่สูงขึ้น เพื่อให้สามารถอัพโหลดภาพหลายร้อยภาพขึ้นไปบนระบบคลาวด์ของแอปตกแต่งภาพบนสมาร์ทโฟนที่เรียกว่า Lightroom มีครั้งหนึ่งผมเดินทางไปถ่ายภาพบ้านที่กาญจนบุรี พอถ่ายเสร็จผมก็อัพโหลดทุกอย่างขึ้นไปบนคลาวด์ได้ทันที ถ้าที่ๆ เราไปมีสัญญาณโทรศัพท์ดี เราก็สามารถทำงานได้จากทุกที่ ทุกวันนี้ผมแทบไม่ได้พกแล็ปท็อปแล้ว ผมมองว่าคลาวด์เป็นจุดเปลี่ยนของอาชีพผมเหมือนกัน แต่ผมหวังว่าในอนาคตอันใกล้ สัญญาณโทรศัพท์มือถือจะให้ความเร็วได้กว่าสัญญาณอินเทอร์เน็ตบ้าน”
ผลงานภาพโดย คุณเชาวฤทธิ์ พูนผล