26 พฤศจิกายน 2567 – ทรู คอร์ปอเรชั่นเร่งเดินหน้าโครงการยกระดับโครงข่ายให้ทันสมัย (Network Modernization) และระบบนิเวศดิจิทัลครบวงจร ด้วยเป้าหมายเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายผสานพลังโครงสร้างพื้นฐานทรู-ดีแทค พร้อมผนวกเทคโนโลยี AI สร้างเครือข่ายอัจฉริยะภายใต้แนวคิด “3Zero: Zero Touch, Zero Wait, Zero Trouble ” มุ่งยกระดับคุณภาพบริการและประสบการณ์ลูกค้า
นายประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ความคืบหน้าการยกระดับโครงข่ายสู่ความทันสมัย (Network Modernization) ได้ดำเนินการแล้วกว่า 10,800 สถานีฐาน คิดเป็น 64% ของแผนงานทั้งหมด และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2568 การพัฒนาครั้งนี้ส่งผลให้ประสิทธิภาพเครือข่ายเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยความเร็ว 5G เพิ่มขึ้น 48% ความเร็ว 4G เพิ่มขึ้น 13% และแบนด์วิธเพิ่มขึ้น 35% ในพื้นที่ที่ได้รับการอัปเกรด (ข้อมูล ณ ไตรมาส 3/2567) พร้อมรองรับการเติบโตของผู้ใช้บริการ 5G ที่มีจำนวน 12.4 ล้านราย เพิ่มขึ้น 5.4% จากไตรมาสก่อน”
ทรู คอร์ปอเรชั่นเป็นผู้นำด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีอันดับ 1 ของไทย มุ่งเสริมศักยภาพทุกภาคส่วนด้วยโซลูชันการเชื่อมต่อเพื่อสังคมที่ยั่งยืน นำเสนอบริการเสียงและข้อมูลระดับโลก พร้อมระบบนิเวศด้านไลฟ์สไตล์ครบวงจร ทั้งความบันเทิง สิทธิพิเศษ และการเชื่อมต่อไร้รอยต่อ ผสานนวัตกรรม AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ยกระดับสุขภาพ และความปลอดภัยของสังคม
นายประเทศ กล่าวต่อไปว่า “เราได้เร่งพัฒนาประสิทธิภาพเครือข่ายด้วยการอัปเกรดอุปกรณ์ส่งสัญญาณรุ่นใหม่ที่รองรับการกระจายสัญญาณหลายความถี่ มุ่งเน้นการขยายคลื่น 700 MHz และ 2600 MHz พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพคลื่น 700 MHz และ 2100 MHz ส่งผลให้ลูกค้าทรูและดีแทคได้ใช้งานเครือข่ายที่ครอบคลุมพื้นที่ และมีความเร็วมากยิ่งขึ้น ยกระดับประสบการณ์การใช้งานสู่มาตรฐานระดับโลก นอกจากนั้น เรายังเร่งพัฒนาเครือข่ายอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย AI ภายใต้กลยุทธ์ 3Zero เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย”
ทรู คอร์ปอเรชั่น ยกระดับสู่เครือข่ายอัจฉริยะด้วย AI ผ่านกลยุทธ์ “3Zero” มุ่งสู่เป้าหมาย 3 ปี:
- Zero Touch – นวัตกรรมเครือข่ายอัตโนมัติขั้นสูงที่ผสานพลัง AI และ Machine Learning เพื่อสร้างระบบบริหารจัดการแบบ AI-powered closed-loop automation ที่เพื่อตรวจจับ วิเคราะห์ แก้ไข และยืนยันการแก้ปัญหาแบบอัตโนมัติ มุ่งยกระดับประสิทธิภาพการบริหารโครงข่ายให้สูงขึ้น 80% พร้อมลดการใช้พลังงานลง 30% และป้องกันความผิดพลาดจากการปฏิบัติงานได้ถึง 80%
- Zero Wait – ระบบ AI ที่ปรับแต่งเครือข่ายแบบเรียลไทม์ตามพฤติกรรมผู้ใช้งานแบบไร้รอยต่อ เพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายทันที เพื่อประสบการณ์สูงสุดในทุกสถานการณ์ เช่น กรณีมีการรวมตัวใช้งานของกิจกรรมต่างๆ เช่น พื้นที่จัดคอนเสิร์ต หรือกิจกรรมที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น โดยตั้งเป้าเพิ่มความเร็วในการปรับแต่งเครือข่าย 50% พร้อมแก้ไขปัญหาลูกค้าได้เร็วขึ้น 3-4 เท่า
- Zero Trouble – ระบบ AI วิเคราะห์ข้อมูลเครือข่ายแบบเรียลไทม์เพื่อคาดการณ์และป้องกันปัญหา พร้อมวางแผนบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Proactive Maintenance) โดยตั้งเป้าลดเวลาเครือข่ายขัดข้อง 40% ลดข้อร้องเรียน 40% และเพิ่มความพึงพอใจลูกค้า (NPS) 30% ภายใน 3 ปี
“นอกจากนั้น การพัฒนาโครงข่ายของ ทรู คอร์ปอเรชั่นไม่ได้มุ่งเน้นเพียงขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลและสังคมเมืองเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงความยั่งยืนและการพัฒนาชุมชน สังคม พร้อมนำโครงข่ายไปผสาน “Tech For Good” สู่การถอดรหัส Empathy-Insights-Technology สร้างนวัตกรรมเทคโนโลยียกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน เช่น โครงการ True Smart Early Warning System (TSEWS) ที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ซึ่งใช้โครงข่ายสมรรถนะสูงในการเฝ้าระวังช้างป่าและลดความขัดแย้งระหว่างคนกับช้าง” นายประเทศกล่าวทิ้งท้าย